Captain America: Civil War เนื้อเรื่อง ก้าวที่ถูกต้องของหนังซูเปอร์ฮีโร่ตีกัน

Captain America: Civil War เนื้อเรื่อง ไม่ได้เขียนชื่อหนังผิดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าหลายๆคนดูมาแล้วก็จะเข้าใจว่า พล็อตของคำว่า Civil War นั้นมันคลุมตัวหนัง กัปตันอเมริกาภาค 3 ได้ชัดเจนกว่ามากๆจริงๆจนสมควรเอาชื่อภาคขึ้นนำเลยล่ะ Civil War เป็นอีเว้นท์ฮีโร่แบ่งพวกแล้วซัดกันเองของมาร์เวล คอมมิค ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการที่รัฐบาลต้องการควบคุมสิทธิ์การใช้พลังที่อิสระเสรีของเหล่าฮีโร่เพื่อความปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมตัววายร้ายที่ผิดพลาดของฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรงและมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่งผลให้กัปตันอเมริกากับไอออนแมนต้องแตกหักกัน เพราะกัปตันฯต้องการรักษาความมีอิสระในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไว้ ในขณะที่ไอออนแมนต้องการให้ฮีโร่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับและลดความเสี่ยงในการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ลง

หนังจากการตีความบทใหม่โดย Christopher Markus และ Stephen McFeely สองมือเขียนบทที่ดูแลหนังกัปตันอเมริกามาแล้วตั้งแต่ภาคแรก และยิ่งนับวันยิ่งคมและสนุกขึ้นเรื่อยๆ พูดตรงๆ ว่าภาคแรกนั้นน่าเบื่อเอามากๆ สำหรับผมนะ แต่พอมาภาคสองนี่ โห เข้มข้นแบบสร้างแนวทางหนังกัปตันฯให้แตกต่างชัดเจนจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ ไปเลย เพราะจะมีความหม่นๆ และดราม่าแบบการเมืองอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งพอมาภาค 3 ทันทีที่ประกาศว่าจะเป็นซีวิล วอร์ นี่แบบคือเชื่อมือเลยว่า บทหนังน่าจะแข็งแรงและกดดันความขัดแย้งในตัวละครได้ดีแน่ๆ ซึ่งก็ดีจริงๆ ดีมากๆ ในขณะที่เราดูหนังไปเราเห็นภาพสะท้อนสังคมโลกอยู่ในนั้นเลย โดยเฉพาะประเด็นหน้าที่และขอบเขตอำนาจตำรวจโลกอย่างอเมริกาที่แสดงผ่านตัวกัปตันฯและไอออนแมนนั่นล่ะ และคำพูดตัวละครหลายๆ คำก็เสียดแทงสังคมมนุษย์จริงๆ ด้วยเรียกว่ามีคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดด้วยนะ

และความดีงามผิดหูผิดตาในหนังกัปตันฯ สองภาคหลังนั้น อาจยังต้องยกความดีความชอบให้การกำกับของสองพี่น้อง Anthony Russo และ Joe Russo ที่เข้ามากุมบังเหียนนับตั้งแต่หนังภาคสอง วินเทอร์โซลเยอร์ ด้วย ตรงนี้ต้องชื่นชมแมวมองของมาร์เวลสตูดิโอจริงๆ ที่เอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาปลุกปั้นได้ถูกทุกทางจริงๆ เชื่อว่าโลกเราจะได้ผู้กำกับและทีมงานทำหนังสนุกๆชั้นยอดที่เกิดจากค่ายนี้อีกหลายคนเลยทีเดียว

โปรดิวเซอร์หัวเรือใหญ่ของมาร์เวลสตูดิโอ Kevin Feige การเลือกผู้กำกับและทีมงานในมือเขานี่พูดได้คำเดียวว่า In Marvel We Trust!!

Captain America: Civil War เนื้อเรื่อง เรื่องย่อ

Captain America: Civil War เนื้อเรื่อง โดยไม่สปอยล์ คงพูดได้เพียงว่าหนังเอาหัวใจสำคัญจากคอมมิคชุดซีวิล วอร์ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแบบจักรวาลของหนังมาร์เวลที่มีทางของตัวเอง นั่นคือไม่เหมือนกับในคอมมิคแน่ๆ นั่นทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกมากๆ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร โดยเนื้อเรื่องว่าด้วยความรู้สึกของตัวละครสองกลุ่มและข้อขัดแย้งภายในจิตใจที่เกิดจากเหตุการณ์ผลกระทบในอดีต ทั้งความพินาศของเมืองต่างๆในการปฏิบัติการแต่ละครั้งของฮีโร่ โดยเฉพาะจากหนัง อเวนเจอร์ ภาคล่าสุดอย่าง เอจออฟอัลตรอน ที่ทำให้เมืองโซโคเวียไม่เหลือชิ้นดี ตรงนี้ก็เปิดช่องให้ขุมกำลังที่ชื่อสหประชาชาติ (ในฐานะตัวแทนมนุษยชาติในแง่มุมหนึ่งนะ) เข้ามาแสดงบทบาทในการทวงถามการตรวจสอบการทำงานของฮีโร่ด้วย

สภาพเมืองโซโคเวีย หลังเหตุการณ์เอจออฟอัลตรอน ที่ก่อให้เกิดสนธิสัญญาโซโคเวียจำกัดสิทธิ์ฮีโร่ในภาคนี้ ทั้งยังส่งผลกับตัวละครหลายๆตัวด้วย

ผลกระทบของการปฏิบัติการโซโคเวียยังส่งผลมาหลายสายทางในหนังภาคนี้ โดยเฉพาะมากที่สุดกับโทนี่ สตาร์ก ที่เราจะเห็นความกลัวในใจของเขาในภาคเอจออฟอัลตรอนแล้วจากนิมิตที่เขาพบว่าตนเป็นต้นเหตุให้เพื่อนๆ ตายกันหมด ความกลัวที่ตัวเขาจะสร้างผลกระทบกับคนที่รักและเหยื่อบริสุทธิ์นั้นถูกขยายอย่างมากในหนังภาคนี้ และทำให้โทนี่เป็นตัวละครที่เด่นไม่เป็นรองกัปตันอเมริกา ซึ่งถ้าดูให้ดีแล้วเขาคือตัวขับเคลื่อนเรื่องเสียด้วยซ้ำ

ป๋าคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังมาร์เวลจริงๆนะ การมีป๋าอยู่ส่งอารมณ์ทำให้ตัวละครอื่นทรงพลังขึ้นจริงๆ

ตรงนี้พาดพิงแล้ว ขออวยหน่อย ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ไอออนแมนที่ขาดไม่ได้ในจักรวาลมาร์เวลเท่านั้น แต่ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่า ป๋าแกคือองค์ประกอบที่สำคัญโคตรๆ ในการทำให้หนังมาร์เวลเชื่อมโยงและสนุกมากๆ ด้วยเคมีของแกที่เข้าโคตรดีกับตัวละครต่างๆ แม้แต่กับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือไอ้แมงมุม ที่มาปรากฏกายครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ การรับส่งบทมุกต่างๆกับเฮียแกนี่ ทำให้ซีนธรรมดาๆ อย่างคุยกันกลายเป็นการเปิดตัวที่น่าจดจำของสไปดี้คนใหม่อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอต้องพยายามดึงป๋ามาเล่นใน Spider-man: Homecoming ซึ่งเป็นการรีบูทใหม่ในปีหน้านี้ด้วย คือตรงนี้ต้องบอกเลย ต่อให้โทนี่ สตาร์กจะเลิกเป็นไอออนแมนก็ไม่เป็นไรเลย แต่ขอแค่ป๋ายังโผล่มาเป็นโทนี่ในหนังเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

ทอม ฮอลแลนด์ รับบทสไปดี้คนใหม่ เคมีเข้าคู่ป๋าสุดๆ ซีนของเขานี่มีสเน่ห์ และรู้สึกเลยว่าหนังเดี่ยวของเขาจะเป็นสไปเดอร์แมนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้

แบล็กแพนเธอร์ สไปเดอร์แมน โผล่เข้ามาในเรื่องได้มีเหตุผลเข้าท่า ไม่ได้จับยัดๆ เข้ามา แถมมีฉากโชว์ของตัวเองที่ติดตาด้วย ส่วนตัวละครอื่นๆ ที่อยู่ประจำแล้วนั้นแบ่งเฉลี่ยบทได้ดี มีฉากขโมยซีนของตัวเองกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แอ๊นท์แมน อันนี้ต้องไปดูกันนะ

แบล็ก แพนเธอร์ เป็นเหมือนขุมกำลังที่ 3 ที่มีจุดประสงค์การกระทำตัวเองชัดเจนและแตกต่างกับคนอื่น เรื่องราวของเขาผูกเข้ามาได้ดีทีเดียว ชุดเท่มากกก

สไปเดอร์แมน ชุดออกแบบอิงจากเวอร์ชั่นคลาสสิคที่ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิคเลยนะ แต่ไฮเทคขึ้นเยอะ เพราะเลือกอยู่ทีมป๋าโทนี่

แอ๊นท์แมน นี่ก็มาเรียบๆเนียนๆแต่ขโมยซีนซะอยู่หมัดมดเลยทีเดียว

สรุป

คือถ้าให้วิจารณ์ตัวหนังก็บอกเลยว่าดีทุกองค์ประกอบ สนุกทั้งที่เป็นแฟนมาร์เวลและไม่ได้เป็น (ไม่แน่ใจว่าคนที่โผล่มาดูภาคนี้เลยเป็นเรื่องแรกจะเก็ตไหมนะ แต่เชื่อว่าแนะความสัมพันธ์ของตัวละครนิดหน่อยก็ดูได้ลื่นแล้วล่ะ แต่ให้ดีควรดูเรื่องอื่นๆอย่างกัปตันอเมริกา1-2 และเอจออฟอัลตรอนจะดีกว่า) ภาพเสียงซีจีได้มาตรฐาน ขอชื่นชมการออกแบบฉากต่างๆ ที่วางปมไว้แบบนึกว่าไม่สำคัญในตอนต้นๆ ก็ดันมากลายเป็นฉากที่พลิกเหตุการณ์ในภายหลังได้อีก บทสนทนานี่ก็พูดน้อยต่อยหนัก ทำให้ตามเรื่องง่าย แต่ก็คมและถ่ายทอดความคิดและมิติด้านลึกของตัวละครได้ดีมากๆ หลายๆประโยคอย่างที่บอกตอนต้นว่าเสียดแทงใจมากๆโดยเฉพาะจากคำพูดตัวร้ายสุดฉลาดและเหี้ยมโหดสมการรอคอยอย่าง ซีโม่ ด้วย ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหลายๆคนที่ปรามาสตัวร้ายในหนังมาร์เวลว่าอ่อนไม่น่ากลัวนี่เตรียมกลับคำได้เลย ตัวร้ายตัวนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ กลยุทธเทพๆ ที่อาศัยสมองและความเป็นไปได้จริงๆ ไม่มีพลังเว่อวังใดๆ แต่สร้างความบรรลัยได้มโหฬารสุดๆ แถมเป็นตัวร้ายที่มีมิติลึกด้วย เรื่องราวของเขานี่ทำไซด์สตอรี่ได้เลยนะ

ซีโม วายร้ายที่มีความน่าจดจำตัวหนึ่งในหนังมาร์เวลเลยทีเดียว

ด้านความขัดแย้งของทั้งในตัวละครและระหว่างตัวละครนี่โอเคหมดเลย สมจริง ไม่มีตรรกะอ่อนให้ต้องพูดแซวกันเลย คือหนังคุณภาพมากๆ แม้จะโคตรนานถึง 2 ชั่วโมง 26 นาทีก็เถอะ หาเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนี้เข้าโรงไปดูเลยคุ้มมากๆ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่หรือไม่ก็ตาม

ถามว่ามีส่วนให้ติงมั้ย ก็มีนะ ถ้าไม่ได้ตาเทพคอยจับผิดซีจีก็ถือว่าเนียนตามาก แต่ถ้าตาเทพก็มีดูลอยๆ บ้างเหมือนกันบางฉาก หนังบาลานซ์ฉากคุยกับฉากแอ๊กชั่นได้ดีนะ แต่ถ้าใครหวังจะแอ๊กชั่นรัวๆ หรือแอ๊กชั่นมโหฬารยิ่งใหญ่พังพินาศถล่มทลายไมเคิล เบย์ อันนี้ก็ไม่ขนาดนั้นนะ มันสมเหตุสมผลในสเกลพลังที่มาร์เวลตั้งไว้ล่ะ ว่าถึงจะซัดกันแต่ไม่มีใครอยากเอาอีกฝ่ายถึงตาย เพราะแต่ละหมัดที่อัดเพื่อนมันเกิดแผลฉกรรจ์ในใจตัวละครมากอยู่แล้ว คือจะเอาแบบอะพอคาลิปส์โลกแตกแบบตัวอย่างหนังเอ็กซ์เมนภาคใหม่นั่นก็คงไม่ใช่

แล้วก็สเกลพลังของแวนด้านั้นแม้จะปรับลดจากในคอมมิคลงมาเยอะแล้วก็ตามแต่เราก็ยังรู้สึกว่าโกงๆอยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉากสงครามใหญ่ ต้องไปชมเอง 555 หนังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้แฟนพันธุ์แท้ติดตามเป็นอีสเตอร์เอ้กอยู่ประปราย พูดไปก็สปอยล์ ดูแล้วลองมาหาอ่านกระทู้หรือเพจพวกแฟนๆ เทพๆ เขาอธิบายละกันนะ

วิชั่น โดนพลังสุดขี้โกงของแวนด้าเล่นงาน ในหนังสองตัวละครนี้เคมีกุ๊กกิ๊กมีฉากให้ลุ้นเยอะมาก

ปล. หนังมีท้ายเครดิตสองตอน นั่งรอดูเพลินๆ ไปนะ เปิดเรื่องหนังใหม่ที่กำลังจะมาได้ดีทีเดียวล่ะ

ปล.2 นี่สะกดความกรี๊ดตัวหนังไว้ในใจ พยายามเขียนให้ดูไม่อวยมากไปแล้วนะ หนังเขาสนุกจริงล่ะ 555

ปล.3 ช่วงนี้มันวันซีวิลวอร์แห่งสหประชาชาติจริงๆนะ ใครจะไปดูหนังแนะนำซื้อจองออนไลน์ไปก่อนเลย คนแน่นโรงยันแถวหน้าจริงๆ ผมนี่ซื้อออนไลน์ตั้งแต่ไก่โห่ยังได้โซนที่นั่งดีๆ ที่สุดท้ายเลย T^T

ปล.4 ท้ายขอบ่นๆ นิดหนึ่ง ผมล่ะอยากกราบให้ดีซีกับวอเนอร์มาศึกษาจริงๆ คืออันนี้ก็ไม่ได้พูดเองคือมีนักวิจารณ์ต่างชาติที่เขาดูรอบทดสอบเรื่องนี้เขาให้นิยามไว้ว่า “ซีวิลวอร์ คือ หนังแบทแมน เวอร์ซัส ซูเปอร์แมน ที่เจ๋งกว่า” คือผมก็แอบคิดในใจว่าถ้าอวยเกินจริงแล้วหนังมันไม่ได้ดีโคตรๆ ขนาดนั้นจะแซวให้ยับเลย แต่ว่านะเขาพูดถูกนะ คือเรื่องนี้ใช้คอนฟลิกต์เริ่มที่ไม่ต่างกับแบทซุปเลย แต่เล่าได้ดีมากลื่นไหลมาก กลมกล่อมมาก ตัวละครใหม่ก็ใส่มาแบบถูกที่ถูกทางไม่ได้ไม่มีปี่มีขลุ่ยจับยัดๆให้คนดูปะติดปะต่อเอาเองเลย ไงขอหนังรวมดาวร้ายที่จะเข้ามาให้เป็นความหวังคอหนังหนังซูเปอร์ฮีโร่หม่นๆ หน่อยเถอะนะครับ (ซึ่งล่าสุดวอเนอร์สั่งถ่ายซ่อม Suicide Squad ไปแล้วด้วยเหตุผลว่าอยากให้หนังสนุกขึ้นตลกขึ้น 555) Captain America: Civil War เนื้อเรื่อง

บทความที่น่าสนใจ